ผักชีลาว

ผักชีลาว

ราคาผักชีลาว (ตลาดสี่มุมเมือง)

ปลูกผักชีลาว

ผักชีลาว เป็นพืชตระกูลเดียวกับผักชี มี 2 พันธุ์หลัก ได้แก่พันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรปและพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อน ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anethum graveolens Linn. อยู่ในวงศ์ Umbelliferae ในไทยนิยมปลูกเพื่อกินเป็นผักแกล้มมากกว่านำมาใช้ทำเป็นเครื่องเทศ

ลักษณะทั่วไป เป็นพืชล้มลุกมีลำต้นขนาดเล็กสีเขียวเข้ม ใบประกอบลักษณะคล้ายขนนก สีเขียวสด เรียงสลับกัน มีดอกขนาดเล็กสีเหลือง มักออกเป็นช่อ ก้านช่อดอกรูปร่างคล้ายโครงร่ม ออกผลเป็นรูปไข่แบน เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลอมเหลือง หากต้องการนำมารับประทานสดต้องเก็บก่อนที่จะออกดอก ในช่วงประมาณ 60 วันหลังเริ่มปลูก

การปลูก ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ ไม่เป็นกรดมากเกินไป ควรเตรียมดินโดยใช้ปุ๋ยคลุกกับดิน นิยมใช้เมล็ดพันธุ์ในการปลูก โดยเลือกหว่านหรือหย่อนเมล็ดลงหลุม ห่างกันราว 15 ซ.ม.

การเตรียมดินในการปลูกผักชีลาว (Dill) : มีการฟื้นดิน ตากแดดให้แห้งเพื่อทำลายเชื้อโรคและวัชพืช ที่อยู่ในดิน ทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นก็ทำการ พรวนดิน เก็บเศษวัชพืชต่างๆ และนำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วมาใส่คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ทั้งนี้เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าพบว่าดินเป็นกรด ควรนำปูนขาวมาคลุกกับดินเพื่อปรับสภาพของดินให้เหมาะในการเพาะปลูก

วิธีปลูก ผักชีลาว (Dill) :
วิธีที่ 1 เตรียมเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้ในการปลูก แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ให้ทั่วแปลง
วิธีที่ 2 วัดระยะห่างของหลุมประมาณ 15 x 15 เซนติเมตร ใช้ไม้ขีดเป็นตารางให้เท่าๆ กัน ใช้ไม้หรือนิ้วจิ้ม แล้ว หยอดเมล็ดลงตามตารางที่ขีดไว้ เสร็จแล้วจึงใช้ดินกบแล้วรดน้ำด้วยบัวรดน้ำ

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของผักชีลาว
ผลแก่ : นำผลแก่แห้งของผักชีลาวบดให้เป็นผงชงกับน้ำดื่มวันละ 4-5 แก้ว แก้อาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดท้อง เฟ้อ ช่วยขับลม ใช้ต้นสดของผักชีลาวผสมกับนมให้เด็กอ่อนดื่มแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้เช่นกัน ส่วนน้ำมันมักใช้ผสมใน ยาย่อยอาหาร ยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ทั้งต้น : แก้บวม แก้เหน็บชา ขับเหงื่อ เมล็ด ทำให้ผายลมและเรอ แก้หอบ บำรุงปอด แก้ไอ แก้ลมที่ทำให้สะอึก แก้ ลมวิงเวียน แก้อาเจียน ผล ขับลม แก้ไอ แก้หอบหืด และแก้คลื่นไส้อาเจียน ใบ มีผลดีต่อกระเพาะ ม้าม และตับ มี วิตามินเอ ช่วยการทำงานของกระเพาะ

ข้อมูลจาก decor.mthai.com
--------------------------

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Anethum graveolens L.
เป็นไม้พุ่ม ต้นสูง 6070 ซม. ลำต้นกลวง ทุกส่วนของต้นเมื่อขยี้จะมีกลิ่นหอม

ใบ : มีใบหยักเว้าเป็นเส้นฝอยเล็ก ๆ

ดอก : ช่อดอกจะผลิจากปลายยอดในช่วงฤดูร้อน เป็นช่อซี่ร่ม ดอกเล็ก สีเหลืองสด

ผล : เป็นรูปไข่คล้ายตาตั๊กแตน จึงมีชื่อว่า เทียนตาตั๊กแตน

ชื่อวงศ์ : Apiaceae

ประโยชน์ : เป็นผักที่นิยมกันในกลุ่มชาวลาวและชาวอีสานสมชื่อ ยอดอ่อนนิยมกินเป็นผักสดกับส้มตำ ลาบ น้ำพริกปลาร้า แกงเนื้อ หรือใส่ในแกงอ่อมทุกชนิด โดยเฉพาะอ่อมปลา แกงหน่อไม้ และห่อหมก จะช่วยดับกลิ่นคาวได้ดี มีรสขม เผ็ดเล็กน้อย ให้ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินเอ และวิตามินบี 1 สูง นอกจากยอดใบอ่อนแล้วอาจนำดอกมาโรยบนอาหารแทนผักชีได้ อีกทั้งเมล็ดแห้งของผักชีลาวก็ใช้เป็นเครื่องเทศ ช่วยดับกลิ่นคาวได้ ซึ่งจากการวิจับพบว่า มีปริมาณของน้ำมันหอมระเหยที่เรียกว่า น้ำมันเทียนตาตั๊กแตน” 1.2 – 7.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในประเทศแถบสแกนดิเนเวียและประเทศเยอรมนีนิยมนำเมล็ดมาบดเพื่อใส่ในอาหาร

สรรพคุณทางสมุนไพร : ใช้เป็นยาบำรุงธาตุและแก้เสมหะพิการ เมล็ดแก้ท้องอืดเฟ้อ แก้ไข้ แก้ลมวิงเวียน ซึ่งเชื่อว่าทำให้ง่วงนอน บางท้องถิ่นนำเมล็ดผักชีลาว 1 หยิบมือ ใส่ถ้วยชงน้ำเดือด ชงทิ้งไว้ 5 – 10 นาที กรองเมล็ดออกเหลือแต่น้ำ ให้เด็กที่มีอาการร้องสามเดือนดื่มก่อนให้นมหรือเวลาร้องไห้ จะช่วยให้หลับง่าย แก้ท้องอืดเฟ้อ ในประเทศจีนนิยมใช้เป็นยาขับลม บำรุงธาตุ และกระตุ้นน้ำนม เกร็ด ผักชีลาวมีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า Dill ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษานอร์เวย์ว่า Dilla หมายถึงการกล่อมเด็ก เพราะสรรพคุณที่ช่วยย่อยอาหารได้ดี จึงแก้ปวดท้องและทำให้เด็กหลับง่าย มีบันทึกว่าผักชีลาวเป็นผักแห่งปัญญา ช่วยบำรุงสมอง ในต่างประเทศนำเมล็ดมาสกัดน้ำมันเพื่อทำเครื่องหอม เครื่องสำอาง สบู่ ครีม หรือแต่งกลิ่นเครื่องดื่มต่าง ๆ
การขยายพันธุ์ : ผักชีลาวชอบดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงครึ่งวันหรือตลอดวัน และเนื่องจากมีถิ่นกำเนินในเขตหนาวจึงชอบอากาศเย็น โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน ในกรุงเทพฯ ปลูกได้แต่ไม่สวยงามนัก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หลังจากหว่านเม็ดไว้ 2 – 3 สัปดาห์ เมล็ดจะงอกเป็นต้น เติบโตจนผลิดอกออกผลภายในหนึ่งปีก็จะตายไป ถ้าต้องการเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูก ควรเก็บเมล็ดที่แก่จัดมาปลูกใหม่ หรือใช้วิธีปักชำก็ได้เช่นกัน

นิเวศวิทยา : มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน
ข้อมูลจาก treeofthai.com
------------------------

ผักพื้นบ้าน-อาหารพื้นเมืองผักพื้นบ้าน...มากกว่าอาหารบนจานคุณ (ตอน 7) ผักชีลาว : ผักกลิ่นหอม บ่งบอกความเป็นลาวหลายครั้งที่เรารับฟังคำอธิบายของคนรุ่นใหม่ที่บอกว่า ทำเกษตรนั้นเป็นเรื่องยาก ยิ่งถ้าอายุมากๆ แล้วจะมาเริ่มต้นจับจอบหาบน้ำคงเป็นเรื่องลำบากเกินไป คำกล่าวทำนองนี้ฟังไปก็ดูว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จริงหรือไม่ที่คนที่ไม่เคยทำการเกษตรจะเริ่มต้นไม่ได้ ยิ่งคนสูงวัยยิ่งไม่เหมาะสม จนกระทั่งในเช้าวันหนึ่งพวกเราเหมือนจะได้รับคำอธิบายบางอย่าง ที่บอกผ่านเรื่องราวชีวิตของหญิงสูงวัยคนหนึ่ง คนที่ชื่อ "ละม้าย วงศ์คำ" 

คุณแม่ละม้าย วงศ์คำ เกษตรกร อายุ 66 ปี เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำการเกษตรเพียงลำพังและคอยดูแลหลานอีก 2 คน เดิมนั้นเคยอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านแมด ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม แต่ย้ายออกมาอยู่แปลงนาเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เพราะลูกเขยเล็กชักชวนให้ออกมาอยู่นา คุณแม่ละม้ายเริ่มปลูกผักตั้งแต่ปี 2535 เช่น ผักอีตู่ โหระพา กะจ้อน หอม ปลูกผักขายส่งให้แม่ค้าและขายเองในหมู่บ้าน เริ่มต้นตั้งแต่การต้องหาบน้ำขึ้นมารดแปลงด้วยกำลังตนเอง จนกระทั่งมีระบบปั๊มและท่อลำเลียงน้ำในปัจจุบัน คุณแม่ละม้ายเล่าให้ฟังว่า

...ก่อนหน้านี้แม่เคยเป็นครอบครัวอพยพขายแรงงาน รับจ้างทำงานก่อสร้างและชลประทานจนสามีเสียชีวิตและออกจากงานชลประทานในปี 2533 จึงพาลูกมาอยู่บ้านแมด หางานทำใหม่ จนลูกจบ ปี 2535 จึงกลับมาทำเกษตรจริงจัง เริ่มต้นเลี้ยงหมูก่อน 1 ครอก ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด จากที่ไม่เคยมีความรู้มาก่อน ศึกษาเรียนรู้จากการลงมือทำจริงมาตลอดเวลา...


คุณแม่ละม้ายบอกกับเราว่า การปลูกผักนั้นจะเน้นปลูกผักหลากหลายชนิดสลับกันไปเรื่อยๆ และหมุนเวียนแปลงปลูก เช่น ปลูกถั่วแล้วเอาพริกไปแซม โดยวิธีคิดว่าจะเอาผักอะไรมาปลูกล้วนเกิดจากความคิดความชอบของแม่เป็นหลัก ไม่จำกัดว่าจะเหมาะกับดินหรือไม่ เพราะได้เตรียมดินให้มีอาหารที่สมบูรณ์อยู่แล้ว แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ จะเลือกผักชีลาว กับผักกาดดอก เพราะทำง่าย และขายได้เรื่อยๆ แต่ผักกาดดอกในหน้าแล้ง (เดือน 4-5) จะทำยาก ให้ผลผลิตไม่ค่อยดี ส่วนผักชีลาวถ้ามีการคลุมแดดให้ก็พอได้ผลผลิตดีอยู่ 


"ผักชีลาว" ที่คุณแม่ละม้ายปลูกเป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่ได้สายพันธุ์มาจากคุณแม่สนม ซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แล้วก็ปลูกเก็บพันธุ์มาตลอด เหตุผลที่เลือกเพราะเก็บพันธุ์เองได้ ปลูกง่าย ไม่มีโรคแมลง ไม่เป็นเพลี้ย ขายได้ราคาดี โดยเฉพาะช่วงนอกฤดูที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่คุณแม่ละม้ายมีเทคนิคเฉพาะจึงปลูกได้ เช่น ในฤดูฝนต้องระวังอย่าให้ต้นผักชื้นเกินไป เพราะต้นจะเปื่อย วิธีการคือการคลุมด้วยซาแรนหรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนที่ปลูกไปในที่เนิน

สภาพแวดล้อมที่ผักชีลาวชอบคือ ดินร่วนปนทราย มีความชื้นพอดี (ชื้นมากไปจะเหลือง แห้งเกินไปจะไม่งาม) ชอบแสงแดดและชอบอยู่กลางแจ้ง ถ้าอยู่ในร่มไม้มากจะชื้นเกินไป ส่วนในฤดูแล้งแดดจัดอาจต้องป้องกันบ้างเล็กน้อย เช่น คลุมด้วยซาแรน 60 เปอร์เซ็นต์ โดยสามารถปลูกกับผักชนิดอื่นได้แต่ไม่ค่อยดี

ผักชีลาว เมื่อปลูกนานประมาณ 40 วัน จึงเริ่มเก็บผลผลิตได้ ต้นจะสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร เวลาขายก็ขายเป็นกำ กำละ 5 บาท หน้าฝนจะขายดี กำเล็กๆ ก็ 5 บาท เพราะคนทำไม่ค่อยได้ และหน้าแล้งก็ขายดี เพราะน้ำน้อยคนปลูกยาก

"ผักชีลาวปลูกง่าย ไม่มีโรคแมลง ไม่เป็นเพลี้ย ไม่ต้องดูแลมาก ต้องเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ตลอด เพราะขายไม่ทัน"


การขยายพันธุ์ผักชีลาว จะใช้เมล็ดจากดอกที่เก็บจากแปลง เก็บไว้ครั้งหนึ่งก็สามารถเอามาปลูกได้ทั้งปี ซึ่งคุณแม่ละม้ายบอกว่าที่ผ่านมาการเก็บเมล็ดก็ไม่ได้มีขั้นตอนการคัดพันธุ์อะไรเป็นพิเศษ จะเก็บเมล็ดจากทุกต้นที่กันไว้ทำพันธุ์ โดยวิธีการเก็บเมล็ดคือเมื่อต้นผักชีลาวอายุได้ประมาณ 2-3 เดือน ต้นจะเหลืองและออกดอกสีเหลือง มีเมล็ดสีออกขาวอยู่ที่ปลาย ให้เก็บเฉพาะช่อดอก ให้มีก้านยาวพอจับได้ นำมามัดเป็นกำๆ แล้วไปตากแดดจัด ประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นนำมาขยี้เอาเมล็ดออกจากช่อดอก แล้วเก็บใส่กระป๋องไว้ ปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ในที่ร่ม อย่าใส่ถุงพลาสติค เพราะหนูหรือแมลงจะมากิน ก็จะสามารถเก็บเมล็ดไว้ปลูกได้นาน แต่อย่าให้ข้ามปี

วิธีการเตรียมแปลง เริ่มจากการเตรียมดินช่วงปลายฝนต้นหนาว โดยขุดพรวนดินลึกประมาณ 1 หน้าจอบ ตากดินให้หญ้าตายก่อน นำปุ๋ยคอกมาผสมคลุกเคล้า (ขี้ไก่จะดีที่สุด แต่ใช้ขี้หมู เพราะหาได้พอเพียงจากแปลง ส่วนขี้วัวใส่แล้วจะทำให้เกิดหญ้าได้) ในแปลงขนาดกว้าง 1.2 เมตร ยาว 3 เมตร ใช้ปุ๋ยคอก ประมาณ 1 หาบ (2 ถัง) เตรียมดินสัก 3-5 วัน ก่อนปลูก โดยต้องตีดินให้ละเอียดดีแล้วจึงลงมือปลูก ในแปลงขนาด 1.2 เมตร ยาว 3 เมตร จะใช้เมล็ดปลูกประมาณครึ่งแก้วน้ำ ไม่ต้องแช่น้ำเมล็ดก่อนปลูก รดน้ำแปลงให้ชุ่มและโรยเมล็ดลงไปให้ทั่วแปลงก่อนรดน้ำตาม ซึ่งข้อแตกต่างของแปลงระหว่างฤดูแล้งกับฤดูฝนคือ ในฤดูแล้งให้เป็นแปลงหลุมหรือเสมอขอบ ในฤดูฝนเป็นแปลงนูนป้องกันน้ำขัง ส่วนหน้าหนาวทำแปลงอย่างไรก็ได้


หลังปลูกได้ 7 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก จนเมื่ออายุได้ 14 วัน ต้นจะสูงประมาณ 2 ข้อมือ และมีใบออกมา 2 ใบ ให้ผสมน้ำหมักรด (ควรทำเตรียมไว้ใช้ในแปลงอย่างพอเพียง) ส่วนถ้าดินจืดมากให้ใส่ปุ๋ยคอก (ใช้ขี้หมูที่เป็นฝุ่นๆ) โรยหน้าบางๆ รดน้ำหมักและน้ำให้ชุ่ม ข้อสำคัญคือต้องหมั่นรดน้ำให้ชุ่มชื้นตลอดเวลา รดน้ำแต่ละครั้งไม่ต้องมากนัก แต่ให้รดเช้า-เย็น นอกจากนั้น ไม่ต้องดูแลมากนัก ไม่ต้องคลุมแปลงเลย ถ้ามีหญ้าขึ้นก็ใช้มือถอนออกเพียงเท่านั้น

เมื่ออายุประมาณ 40 วัน จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ โดยค่อยๆ ถอนต้นที่สมบูรณ์ดีออกขาย ถ้าให้ดีควรให้ต้นยาวระหว่าง 20-30 เซนติเมตร ซึ่งจะเก็บผลผลิตไปได้นาน 2-3 เดือน เมื่อถอนออกขายเรื่อยๆ จนเหลือต้นที่สมบูรณ์อยู่ในแปลง ก็จะนำต้นเหล่านี้มาเก็บเมล็ดพันธุ์ แต่ถ้าไม่เอาพันธุ์ในแปลงนั้นก็ถอนขายให้หมดได้เลย 

ทุกวันนี้ถ้าถามคคุณแม่ละม้ายว่า มีความสุขไหม คุณแม่ละม้ายจะตอบทันทีว่า

...มี...มีเพราะได้เฮ็ด...ถ้าไม่ได้เฮ็ดมันบอกบ่ถูก...ครั้นว่าเฮ็ดเพื่อหาเงิน มันก็บ่แม่น ครั้นว่าเฮ็ดเพื่อให้มีหลายแนวกิน อันนี้ก็มีหมดแล้ว มันบอกบ่ถูกว่าเฮ็ดไปเฮ็ดหยัง เฮ็ดแล้วมันซำบายใจ...ม่องใดว่างก็จะปลูกหมด เงินทองสิได้ก็บ่หลาย หนี้สินก็ยังมีอยู่ ที่สำคัญคือ "บ่ได้ขอ" เฮ็ดไปเพื่อความสุขของเจ้าของ เพราะว่าอยากเฮ็ดนั่นแหละ... 

สรุปแล้วความสุขของคุณแม่ละม้ายคือการทำให้ลูกหลาน ถ้าให้อยู่เฉยๆ ก็ทำไม่เป็น ถือเป็นการออกกำลังกายไปด้วย หรือจะแจกให้ญาติกินก็ได้บุญเพราะเหลือกิน คุณแม่ละม้ายบอกว่าที่ย้ายออกมาจากบ้านเพราะในใจไม่อยากอยู่ ลูกหลานให้ไปอยู่ด้วยก็ไม่อยากไป มีความสุขกับการได้ทำโน้นทำนี้ มาปลูกผักตั้งแต่หาบน้ำมารดผัก จนมีเครื่องสูบน้ำก็ยังใช้ไม่เป็น ต้องจ้างเขาติดเครื่องให้ เคยโดนน้ำมันเครื่องกระเด็นใส่ เพราะไปปิดฝาน้ำมันเครื่อง แทนที่จะเปิดฝาน้ำมันโซล่า แต่ก็ไม่เคยท้อ มองเป็นเรื่องสนุกไป เมื่อถามว่าให้กลับไปทำชลประทานอีกจะเอาไหม คุณแม่ละม้ายตอบว่า ตอนนี้คงไม่ไปแล้ว เพราะอายุมาก จะให้รับจ้างทำนาก็ไม่เคยไป เพราะรู้สึกอยากทำของที่เป็นอิสระกับตัวเองมากกว่า 


...ผักที่ปลูกก็เอามากินแหน่แต่บ่หลาย คือ บ่ได้เน้นปลูกมากิน แต่สุขที่ได้เฮ็ดมากกว่า เฮ็ดงานบ่กลัวว่าจะเหนื่อย พอเหนื่อยมานอนก็หาย แต่จริงๆ ก็บ่ได้เฮ็ดอะไรที่เหนื่อยนัก เฮ็ดไปเรื่อยๆ รดน้ำ เฮ็ดเอง สนุกกับการเฮ็ดตามประสา...
ข้อมูลเกี่ยวกับผักชีลาว

ชื่อทั่วไป-ผักชีลาว

ชื่อทางวิทยาศาสตร์-Anethum graveolens L.

ชื่ออื่นๆ-เทียนข้าวเปลือก เทียนตาตั๊กแตน (กลาง) ผักชี (ขอนแก่น เลย) ผักชีตั๊กแตน ผักชีเทียน (พิจิตร) ผักชีเมือง (น่าน)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

1. ต้น-ไม้ล้มลุกมีกลิ่นหอม ลำต้นเรียบ สูง 60-90 เซนติเมตร

2. ใบ-เป็นเส้นเล็กๆ สีเขียว

3. ดอก-ช่อดอกออกที่จุดเดียว (Umbel) เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว 4-20 เซนติเมตร มีช่อดอก 5-20 ช่อ ก้านดอกยาว 1.5-7.5 เซนติเมตร มีดอกย่อย 5-25 ดอก ก้านดอกย่อยยาว 5-10 มิลลิเมตร กลีบดอกสีเหลืองร่วงง่าย

4. ผล-ผลรูปรี ยาว 4-5 มิลลิเมตร กว้าง 2 มิลลิเมตร


การใช้ประโยชน์

1. ทางอาหาร-ใบใส่แกงอ่อม แกงหน่อไม้ ห่อหมก แกล้มแกงเนื้อ น้ำพริก ปลาร้า ผัดใส่ไข่ ยอดใบรับประทานกับลาบ เมล็ดและใบช่วยชูรส

2. ทางยา-เมล็ดแห้งที่แก่เต็มที่ ใช้เป็นยาบำรุงกำลังและขับลมในท้อง

3. อื่นๆ-เมล็ดมีน้ำมันหอมระเหยใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร

ข้อมูลจาก มติชนบท เทคโนโลยีชาวบ้าน

-------------------------------------------

ผักชีลาวผัดไข่ (ข้อมูลจาก Pitchaya.net)

ชอบช่วงนี้สุดๆ เลย ผักหญ้าพื้นบ้านมีออกมาให้เราได้กินอยู่ตลอด เดี๋ยวพอผ่านพ้นช่วงเดือนกุมภาไปแล้ว คงจะหาผักพื้นบ้านแบบนี้ทานได้ยากแล้วล่ะ ช่วงนี้เลยจะเ้ห็นเราทำอาหารเมนูแปลกๆ ซึ่งปรุงมาจากผักตามฤดูกาลของชาวเหนือบ่อยขึ้นค่ะ ยิ่งเราสาวเหนือพันธุ์แท้มิเคยพลาดอยู่แล้ว อย่างวันนี้เราก็จะทำเมนูผักชีลาวผัดไข่ทานกันค่ะ สมัยตอนยังเป็นเด็กน้อยวิ่งเล่นตามท้องทุ่ง เราจะชอบผักชนิดนี้มากช่วงเช้าๆ เวลาน้ำค้างเกาะลงบนใบมองไกลๆ จะสวยมาก แถวบ้านจะเรียกผักชนิดนี้ว่าผักจีค่ะ (ในเมื่อคนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อผักชีลาว เราก็เลยจะเรียกว่าผักชีลาวก็แล้วกันค่ะ ขืนเรียกผักจีเดี๋ยวชาวบ้านเค้าจะงงว่ามันคือผักอะไรเนี่ย) แล้วแม่ก็ชอบเอามาผัดให้เราทานบ่อยๆ เป็นของชอบของครอบครัวเราเลยทีเดียว บางทีแม่ก็จะเอามาทำแกงผักกาดใส่ไก่ด้วย ผักชีลาวจะมีกลิ่นหอมมากๆ แต่บางคนอาจจะบอกว่าฉุนไปหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ แต่รู้อย่างเดียวว่าเราชอบเป็นที่สุด กลิ่นหอมชื่นใจเคยมีคนบอกว่า ประโยชน์ของผักชีลาวช่วยในเรื่องการย่อย แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ และแก้อาการท้องผูกได้ด้วย มาคุ่ะมาดูสูตรการทำผักชีลาวผัดไข่ อาหารพื้นบ้านของสาวเหนือคนนี้กันดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
ผักชีลาว 1 กำใหญ่
ไข่ไก่ 2 ฟอง
พริกชี้ฟ้า 3-4 เม็ด
กะปิ 1 ช้อนชา
กระเทียมไทย 5-6 กลีบ
หอมแดง 1 หัว
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับผัด
วิธีทำผักชีลาวผัดไข่
- ก่อนอื่นเราก็นำผักชีลาวมาเด็ดเอาส่วนราก และใบแก่ๆ ทิ้งไป เอาเฉพาะยอดอ่อนๆ ไปล้างน้ำให้สะอาด ผึ่งให้พอสะเด็ดน้ำ
- จากนั้นก็นำมาหั่นพอหยาบๆ เตรียมไว้

- นำกะปิมาละลายกับน้ำต้มสุกก่อน แล้วจึงหั่นพริกชี้ฟ้าแฉลบ ใส่ลงไปในถ้วยน้ำกะปิ (สังเกตุดีๆ จะเห็นว่าพริกแอบเหี่ยว เพราะหั่นไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว แต่ไม่ได้เอามาทำ วันนี้เลยกลับเอามาใช้อีกที งกป่ะ อิอิ)

- ทีนี้ก็นำกระทะใส่น้ำมันสำหรับผัดยกขึ้นตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนก็นำกระเทียมสับกับหอมแดงซอยลงไปผัดให้หอม
- จากนั้นจึงใส่พริกชี้ฟ้ากับน้ำกะปิลงไปผัด ผัดซักครู่จึงใส่ผักชีลาวหั่นท่อนลงไป ผัดให้เข้ากัน

- เติมน้ำลงไปเล็กน้อยแค่พอขลุกขลิก ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว และซอสหอยนางรม

- พอผักชีลาวเริ่มสุก ก็ใช้ทัพพีเขี่ยให้เป็นหลุ่มตรงกลาง ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป

- ใช้ทัพพียีไข่แดงให้แหลก  ปล่อยทิ้งไว้จนกว่าไข่ด้านล่างจะสุก

- พอไข่ด้านล่างสุกแล้วเรา็ก็คนให้เข้ากัน ผัดจนทุกอย่างสุกดี  ทีนี้ก็ปิดไฟได้เลยค่

- ตักผักชีลาวผัดไข่ใส่จาน ตกแต่งด้วยพริกหยวกสีส้มซอยเพื่อความสวยงาม


- โรยหน้าด้วยเบบี้แคบหมูอีกที เสร็จแล้วก็พร้อมยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ (เืพื่อให้เข้าคอนเซ็ปของอาหารเหนือจริงๆ เลยต้องทานคู่กับแคบหมูกรอบๆ ถึงจะอร่อยค่ะ)

เป็นไงคะอาหารพื้นบ้านของเรา กลิ่นหอมฉุยเชียวค่ะ (เสียดายคอมฯ ของเพื่อนๆ ไม่มีระบบกลิ่น มิงั้นคงจะส่งกลิ่นไปยั่วยวนถึงโต๊ะทำงานแน่ๆ เลย 555+)

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น